ระยะหยุดของเรือ (Momentum ของเรือ)
ระยะหยุดของรถที่ขับอยู่บนถนนกับระยะหยุดของเรือที่แล่นอยู่บนผิวน้ำนั้นจะไม่เหมือนกันเอาเสียเลย เพราะการขับรถอยู่บนถนนนั้นจะมีแรงต้านของอากาศ แรงเสียดทานของยางกับพื้น และแรงอื่น ๆ ซึ่งมีแรงต้านน้อยกว่าเรือที่จะต้องเรื่องของกระแสน้ำ กระแสลมที่กระทำต่อตัวเรือ จึงทำให้รถมีระยะหยุดที่ยาวกว่าเรือ
ระยะหยุด (Momentum) คือ ปริมาณความพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของวัตถุ
ปริมาณโมเมนตัมจะมีขนาดมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับมวลและความเร็วของวัตถุในขณะนั้น ตามความสัมพันธ์ว่า โมเมนตัม = มวล x ความเร็ว
โมเมนตั้มของเรือ คือระยะทางที่เรือแล่นไปข้างหน้าหลังจากหยุดเครื่องแล้วจนกระทั่งเรือหยุดนิ่ง ในการใช้ความเร็วหนึ่งความเร็วตามที่กำหนด เช่น เดินหน้าเต็มตัว ครึ่งตัว ปกติ หรือ เดินหน้าเบา การหาระยะหยุดของเรือมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ การหาระยะหยุดเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงาน และการหาระยะหยุดเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงานแล้วทำการถอยหลัง และในขณะที่กำลังหาระยะโมเมนตั้มนั้นจะต้องหันหางเสือให้ตรงตามแนวกระดูกงูเรือด้วยเสมอ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้หางเสือก็จะต้องใช้หางเสือได้ไม่เกิน 5 องศา
โดยปกติแล้ว เจ้าของเรือจะสามารถคำนวณระยะหยุดเรือด้วยความรู้สึกจากประสบการณ์กับเรือที่ตนเองควบคุมประจำ ความจริงแล้วเจ้าของเรือควรหาระยะหยุดเรือแล้วบันทึกเป็นตัวเลขไว้เพื่อเป็นข้อมูลประจำเรือ เพราะว่าตัวเลขโมเมนตั้มของเรือแต่ละลำนั้นไม่เหมือนกัน และตัวเลขนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการคำนวณมากนัก แต่เป็นการปฏิบัติจริงเพื่อหาตัวเลขระยะของโมเมนตั้มของเรือลำใดลำหนึ่งเป็นลำ ๆ ไป ระยะทางที่ได้จากโมเมนตั้มของเรือนั้นเป็นแรงเฉื่อยที่อาศัยน้ำหนักของเรือ ความเร็วของเรือขณะหยุดเครื่องและความต้านทานที่ทำให้เรือลดอัตราความเร็วลง
ตามปกติความต้านทานของเรือจะเกิดขึ้นหลายด้านด้วยกัน ความต้านทานที่เกิดขึ้นประจำก็คือ รูปร่างของตัวเรือ ตลอดจนส่วนประกอบเครื่องประกอบส่วนบนของเรือ หางเสือ และครีบกันโคลง ส่วนความต้านอันเกิดจากเหตุภายนอกนั้น เป็นความต้านทานที่อาจไม่ได้เกิดประจำ เช่น กระแสน้ำ คลื่น และกระแสลม เป็นสำคัญ
ซึ่งกระแสน้ำ กระแสคลื่นและกระแสลมที่มีความรุนแรงนั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญเกี่ยวกับระยะหยุด ซึ่งจะแปรผันเปลี่ยนแปลงจากความเป็นปกติจนอาจเกิดความผิดพลาดได้ นอกจากนั้นความลึกของน้ำ และตำบลที่ใกล้ฝั่ง ก็มีผลต่อความต้านทานไม่มากนัก
ดังนั้นในการหาโมเมนตั้มเรือโดยปกติควรทำการหาโมเมนตั้มในที่ที่ไม่มีกระแสน้ำและคลื่นลม และมีความลึกของน้ำลึกจากท้องเรือไม่น้อยกว่า 10 เมตร และควรเป็นทะเลเปิดที่มีน้ำนิ่ง การนำระยะโมเมนตั้มของเรือไปใช้นั้นจะต้องคำนึงถึงความต้านทานภายนอกเพื่อคำนึงถึงระยะหยุดนิ่ง หรือเริ่มถอยหลังนั้นควรจะเพิ่มหรือลดความเร็วตามลักษณะของความต้านทานสักเท่าใด น้ำและลมนี้อาจเพิ่มความเร็วของเรือได้ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางและอัตราความเร็วความแรงในขณะนั้น
การขับเรือนาน ๆ ครั้งนั้นโดยมากผู้ขับเรือจะคำนวณระยะหยุดที่ค่อนข้างไกลกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเรือเข้าเทียบก็ดี หยุดเรือเพื่อหลบหลีกกันหรือเร่งความเร็วเพื่อแซงเรือลำอื่นก็ดี เนื่องจากไม่ใคร่จะชำนาญ ไม่เหมือนกับผู้ที่ขับเรือเป็นประจำที่จะสามารถคำนวณระยะหยุดเรือได้อย่างเหมาะสมทำให้การนำเรือเข้าหาจุดหมายเป็นไปอย่างราบรื่นเหมาะสม และไม่เสียเวลา
Written by R - Yong
ระยะหยุดของรถที่ขับอยู่บนถนนกับระยะหยุดของเรือที่แล่นอยู่บนผิวน้ำนั้นจะไม่เหมือนกันเอาเสียเลย เพราะการขับรถอยู่บนถนนนั้นจะมีแรงต้านของอากาศ แรงเสียดทานของยางกับพื้น และแรงอื่น ๆ ซึ่งมีแรงต้านน้อยกว่าเรือที่จะต้องเรื่องของกระแสน้ำ กระแสลมที่กระทำต่อตัวเรือ จึงทำให้รถมีระยะหยุดที่ยาวกว่าเรือ
ระยะหยุด (Momentum) คือ ปริมาณความพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของวัตถุ
ปริมาณโมเมนตัมจะมีขนาดมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับมวลและความเร็วของวัตถุในขณะนั้น ตามความสัมพันธ์ว่า โมเมนตัม = มวล x ความเร็ว
โมเมนตั้มของเรือ คือระยะทางที่เรือแล่นไปข้างหน้าหลังจากหยุดเครื่องแล้วจนกระทั่งเรือหยุดนิ่ง ในการใช้ความเร็วหนึ่งความเร็วตามที่กำหนด เช่น เดินหน้าเต็มตัว ครึ่งตัว ปกติ หรือ เดินหน้าเบา การหาระยะหยุดของเรือมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ การหาระยะหยุดเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงาน และการหาระยะหยุดเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงานแล้วทำการถอยหลัง และในขณะที่กำลังหาระยะโมเมนตั้มนั้นจะต้องหันหางเสือให้ตรงตามแนวกระดูกงูเรือด้วยเสมอ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้หางเสือก็จะต้องใช้หางเสือได้ไม่เกิน 5 องศา
โดยปกติแล้ว เจ้าของเรือจะสามารถคำนวณระยะหยุดเรือด้วยความรู้สึกจากประสบการณ์กับเรือที่ตนเองควบคุมประจำ ความจริงแล้วเจ้าของเรือควรหาระยะหยุดเรือแล้วบันทึกเป็นตัวเลขไว้เพื่อเป็นข้อมูลประจำเรือ เพราะว่าตัวเลขโมเมนตั้มของเรือแต่ละลำนั้นไม่เหมือนกัน และตัวเลขนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการคำนวณมากนัก แต่เป็นการปฏิบัติจริงเพื่อหาตัวเลขระยะของโมเมนตั้มของเรือลำใดลำหนึ่งเป็นลำ ๆ ไป ระยะทางที่ได้จากโมเมนตั้มของเรือนั้นเป็นแรงเฉื่อยที่อาศัยน้ำหนักของเรือ ความเร็วของเรือขณะหยุดเครื่องและความต้านทานที่ทำให้เรือลดอัตราความเร็วลง
ตามปกติความต้านทานของเรือจะเกิดขึ้นหลายด้านด้วยกัน ความต้านทานที่เกิดขึ้นประจำก็คือ รูปร่างของตัวเรือ ตลอดจนส่วนประกอบเครื่องประกอบส่วนบนของเรือ หางเสือ และครีบกันโคลง ส่วนความต้านอันเกิดจากเหตุภายนอกนั้น เป็นความต้านทานที่อาจไม่ได้เกิดประจำ เช่น กระแสน้ำ คลื่น และกระแสลม เป็นสำคัญ
ซึ่งกระแสน้ำ กระแสคลื่นและกระแสลมที่มีความรุนแรงนั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญเกี่ยวกับระยะหยุด ซึ่งจะแปรผันเปลี่ยนแปลงจากความเป็นปกติจนอาจเกิดความผิดพลาดได้ นอกจากนั้นความลึกของน้ำ และตำบลที่ใกล้ฝั่ง ก็มีผลต่อความต้านทานไม่มากนัก
ดังนั้นในการหาโมเมนตั้มเรือโดยปกติควรทำการหาโมเมนตั้มในที่ที่ไม่มีกระแสน้ำและคลื่นลม และมีความลึกของน้ำลึกจากท้องเรือไม่น้อยกว่า 10 เมตร และควรเป็นทะเลเปิดที่มีน้ำนิ่ง การนำระยะโมเมนตั้มของเรือไปใช้นั้นจะต้องคำนึงถึงความต้านทานภายนอกเพื่อคำนึงถึงระยะหยุดนิ่ง หรือเริ่มถอยหลังนั้นควรจะเพิ่มหรือลดความเร็วตามลักษณะของความต้านทานสักเท่าใด น้ำและลมนี้อาจเพิ่มความเร็วของเรือได้ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางและอัตราความเร็วความแรงในขณะนั้น
การขับเรือนาน ๆ ครั้งนั้นโดยมากผู้ขับเรือจะคำนวณระยะหยุดที่ค่อนข้างไกลกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเรือเข้าเทียบก็ดี หยุดเรือเพื่อหลบหลีกกันหรือเร่งความเร็วเพื่อแซงเรือลำอื่นก็ดี เนื่องจากไม่ใคร่จะชำนาญ ไม่เหมือนกับผู้ที่ขับเรือเป็นประจำที่จะสามารถคำนวณระยะหยุดเรือได้อย่างเหมาะสมทำให้การนำเรือเข้าหาจุดหมายเป็นไปอย่างราบรื่นเหมาะสม และไม่เสียเวลา
Written by R - Yong