การหันเลี้ยวเรือ
การนำเรือนั้นผู้นำเรือควรทราบข้อมูลคุณลักษณะของเรือและระบบขับเคลื่อนเรือที่เกี่ยวข้องในการบังคับเรือ ซึ่งสามารถแยกปัจจัยที่ทำให้เรือมีอาการเคลื่อนที่ในลักษณะต่างๆ ได้ 2 ลักษณะ คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก สำหรับปัจจัยเกี่ยวข้องซึ่งเกิดขึ้นภายในเรือโดยตรง ประกอบด้วย ระบบขับเคลื่อน เช่น เครื่องจักร, ใบจักร ฯลฯ ระบบบังคับเรือ เช่น รูปแบบหางเสือ มุมหางเสือ ฯลฯ รูปร่างตัวเรือ เช่น รูปแบบท้องเรือ หัวเรือ ฯลฯ ส่วนประกอบตัวเรือ เช่น หลังคาเรือ ข้างเรือ และ ระดับแนวน้ำ เป็นต้น ส่วนปัจจัยซึ่งเกิดจากภายนอกตัวเรือนั้น ประกอบด้วย สภาพของกระแสน้ำรอบๆ ตัวเรือว่ามีทิศทางการไหลอย่างไร มีความแรงแค่ไหน นอกจากนั้นความลึกของน้ำในบริเวณนั้นตื้นลึกแค่ไหน และทิศทางและความแรงของกระแสลมมากน้อยอย่างไร
จุดหมุนของเรือ
จุดศูนย์ถ่วงของเรือ (CENTER OF GRAVITY POINT) หรือ จุด CG ของเรือ คือ จุดศูนย์กลางของน้ำหนักเรือ ถ้ามีแรงใดแรงหนึ่งมากระทำกับเรือลำนี้ที่จุด CG นี้ ก็เท่ากับว่าได้กระทำกับเรือทั้งลำ โดยปกติจุด CG ของเรือจะอยู่ประจำที่โดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายไปที่อื่นทั้งในขณะที่เรือลอยลำนิ่ง หรือกำลังเคลื่อนที่ ทั้งเดินหน้าหรือถอยหลังในทุกความเร็ว
จุดหมุนของเรือ (PIVOT POINT) หรือ “แกนหันของเรือ” ขณะความเร็วเรือเป็นศูนย์ จุดหมุนของเรือจะเป็นจุดเดียวกันกับจุด CG โดยหากหัวเรือกินน้ำลึกเท่ากับท้ายเรือ จุดหมุนของเรือจะอยู่ที่กึ่งกลางลำเรือเสมอ แต่ถ้าหัวเรือกินน้ำลึกมากกว่าท้ายเรือ จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ค่อนไปทางหัวเรือ ในทางกลับกันถ้าท้ายเรือกินน้ำลึกมากกว่าหัวเรือ จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ค่อนไปทางท้ายเรือ จุด PIVOT POINT จะย้ายที่ออกห่างจากกึ่งกลางลำเรือไปมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับระดับการกินน้ำลึกที่หัวเรือและท้ายเรือ ถ้าแตกต่างกันมาก จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางลำเรือมาก ถ้าแตกต่างกันน้อยก็จะอยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางลำเรือน้อย
ในกรณีที่เรือมีความเร็ว จุดหมุนของเรือจะเคลื่อนที่จากตำบลที่ที่เคยอยู่ขณะความเร็วเรือเป็นศูนย์เสมอ ยิ่งเรือมี HEADWAY มากเท่าใด จุดหมุนของเรือก็จะเคลื่อนที่ไปทางหัวเรือมากเท่านั้น ในทางกลับกันยิ่งเรือมี STERNWAY มากเท่าใด จุดหมุนของเรือก็จะเคลื่อนที่ไปทางท้ายเรือมากเท่านั้นเช่นกัน
เรือแต่ละลำจะมีขนาด รูปแบบ น้ำหนัก ไม่เหมือนกัน ซึ่งทำให้เรือแต่ละลำมี “จุดหมุนของเรือ” อยู่ในที่ที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยมากแล้วจุดหมุนของเรือจะอยู่ห่างจากแนวหัวเรือไปทางท้ายเรือประมาณ 1/6 – 1/3 ของความยาวเรือ การหันหางเสือจึงทำให้ส่วนของเรือหันเหวี่ยงออกจากเส้นทางเรือเดินไปทางซ้ายหรือขวาต่างกัน การหันเลี้ยวเรือในขณะทะเลเรียบหรือไม่มีคลื่นลม เมื่อหันหางเสือเรือไปแล้ว เรือก็จะเริ่มเลี้ยวออกจากเส้นทางที่เรือเดินทางมา และทิศทางของเรือก็จะค่อย ๆ เลี้ยวเป็นเส้นโค้งไปเรื่อย ๆ จนเป็นวงกลมถ้าไม่เปลี่ยนมุมหางเสือ
การหันเลี้ยวเรือ
ในการนำเรือให้เดินทางไปในทิศทางที่ต้องการนั้น โดยปกติในการหันเลี้ยวเรือด้วยการใช้เครื่องยนต์ในตำแหน่งเดินหน้า และปรับมุมหางเสือให้หันซ้ายหรือขวาไปอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งที่คาดว่าจะทำให้เรือหันเลี้ยวไปตามที่เราต้องการ อาการที่เกิดขึ้นจากการที่เรือแล่นไปด้วยและหันไปด้วยนั้น จะทำให้เราได้ระยะทาง 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ได้ “ระยะทางหน้า” (Advance) คือ ระยะทางที่เรือแล่นไปข้างหน้าในเส้นทางที่ขนานกับทิศทางเดิมจากจุดที่เริ่มหันหางเสือถึงจุดที่เรือเข้าทิศทางใหม่ และได้ “ระยะทางเปลี่ยน” (Transfer) คือ ระยะทางที่ตั้งได้ฉากระหว่างเส้นแนวทางเดิมกับจุดที่ของเรือเมื่อเรือเลี้ยวไป โดยที่ระยะทางหน้าและระยะทางเปลี่ยนนั้นจะได้ระยะตามสภาพของเรือและสภาพการบรรทุกของเรือในขณะนั้น
การที่ผู้ขับเรือจะต้องหันเลี้ยวเรือให้ได้วงหันเลี้ยวที่แคบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือต้องหันเลี้ยวเรือให้พอดีกับวงหันเลี้ยวของร่องน้ำ อาจจะต้องใช้มุมหางเสือมากขึ้นและเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เพื่อให้เรือเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว การทำเช่นนี้จะสามารถลดระยะทางหน้าและระยะทางเปลี่ยนได้ ซึ่งจะเหมาะสมสำหรับเรือที่แล่นผ่านร่องน้ำที่มีความโค้งน้อยกว่าวงหันปกติของเรือ
เมื่อทำการหันเลี้ยวจะเกิด “แรงทางข้าง” ซึ่งกระทำต่อตัวเรือและหางเสือ แรงทางข้างนี้จะทำให้ความกดของน้ำทางด้านตรงข้ามกับการหันเพิ่มขึ้น เมื่อใช้หางเสือในขณะที่เรือเริ่มหัน เรือจะมีอาการเอียงในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางหัน ในการนำเรือเข้าเทียบท่าขณะที่เรือหยุดเครื่องแต่เรือยังมี Headway สูงอยู่ เราก็ยังสามารถใช้หางเสือควบคุมทิศทางเรือได้
Written by R - Yong
การนำเรือนั้นผู้นำเรือควรทราบข้อมูลคุณลักษณะของเรือและระบบขับเคลื่อนเรือที่เกี่ยวข้องในการบังคับเรือ ซึ่งสามารถแยกปัจจัยที่ทำให้เรือมีอาการเคลื่อนที่ในลักษณะต่างๆ ได้ 2 ลักษณะ คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก สำหรับปัจจัยเกี่ยวข้องซึ่งเกิดขึ้นภายในเรือโดยตรง ประกอบด้วย ระบบขับเคลื่อน เช่น เครื่องจักร, ใบจักร ฯลฯ ระบบบังคับเรือ เช่น รูปแบบหางเสือ มุมหางเสือ ฯลฯ รูปร่างตัวเรือ เช่น รูปแบบท้องเรือ หัวเรือ ฯลฯ ส่วนประกอบตัวเรือ เช่น หลังคาเรือ ข้างเรือ และ ระดับแนวน้ำ เป็นต้น ส่วนปัจจัยซึ่งเกิดจากภายนอกตัวเรือนั้น ประกอบด้วย สภาพของกระแสน้ำรอบๆ ตัวเรือว่ามีทิศทางการไหลอย่างไร มีความแรงแค่ไหน นอกจากนั้นความลึกของน้ำในบริเวณนั้นตื้นลึกแค่ไหน และทิศทางและความแรงของกระแสลมมากน้อยอย่างไร
จุดหมุนของเรือ
จุดศูนย์ถ่วงของเรือ (CENTER OF GRAVITY POINT) หรือ จุด CG ของเรือ คือ จุดศูนย์กลางของน้ำหนักเรือ ถ้ามีแรงใดแรงหนึ่งมากระทำกับเรือลำนี้ที่จุด CG นี้ ก็เท่ากับว่าได้กระทำกับเรือทั้งลำ โดยปกติจุด CG ของเรือจะอยู่ประจำที่โดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายไปที่อื่นทั้งในขณะที่เรือลอยลำนิ่ง หรือกำลังเคลื่อนที่ ทั้งเดินหน้าหรือถอยหลังในทุกความเร็ว
จุดหมุนของเรือ (PIVOT POINT) หรือ “แกนหันของเรือ” ขณะความเร็วเรือเป็นศูนย์ จุดหมุนของเรือจะเป็นจุดเดียวกันกับจุด CG โดยหากหัวเรือกินน้ำลึกเท่ากับท้ายเรือ จุดหมุนของเรือจะอยู่ที่กึ่งกลางลำเรือเสมอ แต่ถ้าหัวเรือกินน้ำลึกมากกว่าท้ายเรือ จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ค่อนไปทางหัวเรือ ในทางกลับกันถ้าท้ายเรือกินน้ำลึกมากกว่าหัวเรือ จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ค่อนไปทางท้ายเรือ จุด PIVOT POINT จะย้ายที่ออกห่างจากกึ่งกลางลำเรือไปมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับระดับการกินน้ำลึกที่หัวเรือและท้ายเรือ ถ้าแตกต่างกันมาก จุดหมุนของเรือก็จะอยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางลำเรือมาก ถ้าแตกต่างกันน้อยก็จะอยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางลำเรือน้อย
ในกรณีที่เรือมีความเร็ว จุดหมุนของเรือจะเคลื่อนที่จากตำบลที่ที่เคยอยู่ขณะความเร็วเรือเป็นศูนย์เสมอ ยิ่งเรือมี HEADWAY มากเท่าใด จุดหมุนของเรือก็จะเคลื่อนที่ไปทางหัวเรือมากเท่านั้น ในทางกลับกันยิ่งเรือมี STERNWAY มากเท่าใด จุดหมุนของเรือก็จะเคลื่อนที่ไปทางท้ายเรือมากเท่านั้นเช่นกัน
เรือแต่ละลำจะมีขนาด รูปแบบ น้ำหนัก ไม่เหมือนกัน ซึ่งทำให้เรือแต่ละลำมี “จุดหมุนของเรือ” อยู่ในที่ที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยมากแล้วจุดหมุนของเรือจะอยู่ห่างจากแนวหัวเรือไปทางท้ายเรือประมาณ 1/6 – 1/3 ของความยาวเรือ การหันหางเสือจึงทำให้ส่วนของเรือหันเหวี่ยงออกจากเส้นทางเรือเดินไปทางซ้ายหรือขวาต่างกัน การหันเลี้ยวเรือในขณะทะเลเรียบหรือไม่มีคลื่นลม เมื่อหันหางเสือเรือไปแล้ว เรือก็จะเริ่มเลี้ยวออกจากเส้นทางที่เรือเดินทางมา และทิศทางของเรือก็จะค่อย ๆ เลี้ยวเป็นเส้นโค้งไปเรื่อย ๆ จนเป็นวงกลมถ้าไม่เปลี่ยนมุมหางเสือ
การหันเลี้ยวเรือ
ในการนำเรือให้เดินทางไปในทิศทางที่ต้องการนั้น โดยปกติในการหันเลี้ยวเรือด้วยการใช้เครื่องยนต์ในตำแหน่งเดินหน้า และปรับมุมหางเสือให้หันซ้ายหรือขวาไปอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งที่คาดว่าจะทำให้เรือหันเลี้ยวไปตามที่เราต้องการ อาการที่เกิดขึ้นจากการที่เรือแล่นไปด้วยและหันไปด้วยนั้น จะทำให้เราได้ระยะทาง 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ได้ “ระยะทางหน้า” (Advance) คือ ระยะทางที่เรือแล่นไปข้างหน้าในเส้นทางที่ขนานกับทิศทางเดิมจากจุดที่เริ่มหันหางเสือถึงจุดที่เรือเข้าทิศทางใหม่ และได้ “ระยะทางเปลี่ยน” (Transfer) คือ ระยะทางที่ตั้งได้ฉากระหว่างเส้นแนวทางเดิมกับจุดที่ของเรือเมื่อเรือเลี้ยวไป โดยที่ระยะทางหน้าและระยะทางเปลี่ยนนั้นจะได้ระยะตามสภาพของเรือและสภาพการบรรทุกของเรือในขณะนั้น
การที่ผู้ขับเรือจะต้องหันเลี้ยวเรือให้ได้วงหันเลี้ยวที่แคบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือต้องหันเลี้ยวเรือให้พอดีกับวงหันเลี้ยวของร่องน้ำ อาจจะต้องใช้มุมหางเสือมากขึ้นและเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เพื่อให้เรือเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว การทำเช่นนี้จะสามารถลดระยะทางหน้าและระยะทางเปลี่ยนได้ ซึ่งจะเหมาะสมสำหรับเรือที่แล่นผ่านร่องน้ำที่มีความโค้งน้อยกว่าวงหันปกติของเรือ
เมื่อทำการหันเลี้ยวจะเกิด “แรงทางข้าง” ซึ่งกระทำต่อตัวเรือและหางเสือ แรงทางข้างนี้จะทำให้ความกดของน้ำทางด้านตรงข้ามกับการหันเพิ่มขึ้น เมื่อใช้หางเสือในขณะที่เรือเริ่มหัน เรือจะมีอาการเอียงในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางหัน ในการนำเรือเข้าเทียบท่าขณะที่เรือหยุดเครื่องแต่เรือยังมี Headway สูงอยู่ เราก็ยังสามารถใช้หางเสือควบคุมทิศทางเรือได้
Written by R - Yong