การลากเรือ (Towing)
เรือเสีย เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลาย ๆ ประการ การเสียอาจจะเสียไม่มากนักแต่พอที่จะเดินทางได้ช้ากว่าปกติจนกระทั่งไม่สามารถที่จะนำเรือของเราเข้าฝั่งหรือเข้าจอดเทียบท่านได้ เมื่อเรือของเพื่อนเราเสียและไม่สามารถที่จะซ่อมทำได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ ต้องลากหรือการพ่วงจูงเรือกลับเข้าท่าจอดเรือ
การลากเรือจะต้องใช้เชือกลากและเชือกโยง เชือกลาก (Towing line) ก็คือ เชือกเส้นตรง ๆ ที่เราจะใช้ลาก ซึ่งควรใช้เชือกที่มีความแข็งแรง ไม่ยืดมากนัก ความยาวไม่ต่ำกว่า 12 – 15 เมตร ส่วน เชือกโยง (Towing bridle) นั้น จะเป็นเชือกที่ทำหน้าที่ลากและเลี้ยงเรือให้แล่นตรงไม่ฟัดซ้ายปัดขวา เชือกโยงนั้นประกอบด้วย เชือก ที่ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 – 16 ม.ม. รอก และห่วงที่ผูกอยู่ที่ปลายทั้งสองของเชือก เชือกโยงจะผูกกับห่วงสกรูเกลียวที่ท้ายเรือ
การนำเรือเข้าหาเรือที่เสียนั้น ถ้ามีลมแรงหรือกระแสน้ำแรง การนำเรือเข้าไปยังเรือเสียนั้นก็จะต้องนำเรือเข้าไปยังเรือที่เสียทางด้านใต้ลม หรือสวนกระแสน้ำ โดยต้องใช้ความระมัดระวังในการตีวงให้พอดีที่จะไม่เป็นอันตรายสำหรับเรือที่จะเข้าไปลาก เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ผูกเชือกลากไขว้รอบก้ามปูหรือพุกหัวเรือหรือราวหัวเรือของเรือที่ถูกลากหรือสิ่งที่ผูกยึดได้ที่หัวเรือ ปลายเชือกลากนั้นให้นำไปผูกกับห่วงของรอกที่เชือกโยงของเรือลาก
เมื่อเริ่มลากให้ค่อย ๆ ใช้กำลังเดินหน้าเบา ๆ เพื่อให้เรือลากดึงให้เชือกลากตึงโดยไม่ให้เชือกสะบัดเพราะจะกระชากท้ายเรือเสียหายได้ อย่างไรก็ตามต้องพยายามเลี้ยงการลากให้เรือที่ถูกลากอยู่ในเส้นตรงเดียวกันกับเรือลาก การทำให้เรือสามารถแล่นได้ตรงอีกประการหนึ่งก็คือ การทำให้หัวเรือหนัก โดยการให้ผู้โดยสารไปนั่งค่อนไปทางหัวเรือ หรือนำสิ่งของสัมภาระไปไว้ด้านหัวเรือ ถ้าเรือที่ถูกพ่วงจูงมีเครื่องยนต์เกาะท้ายขนาด 5 แรงม้า หรือต่ำกว่า ติดอยู่ให้ทำการเก็บเอาไว้ในเรือ (ถ้าเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่านี้จะเก็บยาก) วางเครื่องนอนกับพื้นเรือ และผูกให้แน่น ไม่ให้เคลื่อนที่ไปมาได้
ในระหว่างการลากก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งในเรือที่ต้องเป็นผู้คอยดูเชือกลากไม่ให้หย่อนหลุดเข้าไปที่ใบจักรเรือหรือไม่ให้อุปกรณ์การลากเรือต่าง ๆ หลุดเข้าไปใต้ท้องเรือลาก และในขณะที่มีกระแสน้ำแรงการลากทวนน้ำนั้นก็กระทำได้ง่ายกว่าการลากตามน้ำ นอกจากนั้นต้องพยายามนำสิ่งของต่าง ๆ มาไว้ในส่วนหัวของเรือ เพื่อไม่ให้หัวเรือส่ายไปมา นอกจากนั้นก็ควรเตรียมมีดเอาไว้ด้วย เมื่อมีปัญหาในการลากก็จะใช้ตัดเชือกลาก
เมื่อทำการเลี้ยว เรือลากจะต้องตีวงให้กว้างกว่าปกติ เพราะว่า เรือที่ถูกลากนั้นจะถูกดึงให้ตัดมุมมากกว่าเรือลากเสมอ และเมื่อจะลากเรือเข้าเทียบท่าก็จะต้องลดความเร็วและร่นเชือกลากให้สั้นลงเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม เตรียมเชือกหัว เชือกท้าย เชือกไก และลูกตะเพราควรเตรียมไว้อย่างน้อย 3 ลูก
ควรทำการพ่วงจูงเรือในเวลากลางวัน หลีกเลี่ยงทำการพ่วงจูงเรือในเวลากลางคืน ในขณะที่เรือกำลังเคลื่อนที่ ต้องคำนึงถึงความเร็วของเรือที่จะทำให้เรือขึ้นน้ำ หรือ รูปแบบของท้องเรือที่แตกต่างกัน
Written by R - Yong
เรือเสีย เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลาย ๆ ประการ การเสียอาจจะเสียไม่มากนักแต่พอที่จะเดินทางได้ช้ากว่าปกติจนกระทั่งไม่สามารถที่จะนำเรือของเราเข้าฝั่งหรือเข้าจอดเทียบท่านได้ เมื่อเรือของเพื่อนเราเสียและไม่สามารถที่จะซ่อมทำได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ ต้องลากหรือการพ่วงจูงเรือกลับเข้าท่าจอดเรือ
การลากเรือจะต้องใช้เชือกลากและเชือกโยง เชือกลาก (Towing line) ก็คือ เชือกเส้นตรง ๆ ที่เราจะใช้ลาก ซึ่งควรใช้เชือกที่มีความแข็งแรง ไม่ยืดมากนัก ความยาวไม่ต่ำกว่า 12 – 15 เมตร ส่วน เชือกโยง (Towing bridle) นั้น จะเป็นเชือกที่ทำหน้าที่ลากและเลี้ยงเรือให้แล่นตรงไม่ฟัดซ้ายปัดขวา เชือกโยงนั้นประกอบด้วย เชือก ที่ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 – 16 ม.ม. รอก และห่วงที่ผูกอยู่ที่ปลายทั้งสองของเชือก เชือกโยงจะผูกกับห่วงสกรูเกลียวที่ท้ายเรือ
การนำเรือเข้าหาเรือที่เสียนั้น ถ้ามีลมแรงหรือกระแสน้ำแรง การนำเรือเข้าไปยังเรือเสียนั้นก็จะต้องนำเรือเข้าไปยังเรือที่เสียทางด้านใต้ลม หรือสวนกระแสน้ำ โดยต้องใช้ความระมัดระวังในการตีวงให้พอดีที่จะไม่เป็นอันตรายสำหรับเรือที่จะเข้าไปลาก เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ผูกเชือกลากไขว้รอบก้ามปูหรือพุกหัวเรือหรือราวหัวเรือของเรือที่ถูกลากหรือสิ่งที่ผูกยึดได้ที่หัวเรือ ปลายเชือกลากนั้นให้นำไปผูกกับห่วงของรอกที่เชือกโยงของเรือลาก
เมื่อเริ่มลากให้ค่อย ๆ ใช้กำลังเดินหน้าเบา ๆ เพื่อให้เรือลากดึงให้เชือกลากตึงโดยไม่ให้เชือกสะบัดเพราะจะกระชากท้ายเรือเสียหายได้ อย่างไรก็ตามต้องพยายามเลี้ยงการลากให้เรือที่ถูกลากอยู่ในเส้นตรงเดียวกันกับเรือลาก การทำให้เรือสามารถแล่นได้ตรงอีกประการหนึ่งก็คือ การทำให้หัวเรือหนัก โดยการให้ผู้โดยสารไปนั่งค่อนไปทางหัวเรือ หรือนำสิ่งของสัมภาระไปไว้ด้านหัวเรือ ถ้าเรือที่ถูกพ่วงจูงมีเครื่องยนต์เกาะท้ายขนาด 5 แรงม้า หรือต่ำกว่า ติดอยู่ให้ทำการเก็บเอาไว้ในเรือ (ถ้าเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่านี้จะเก็บยาก) วางเครื่องนอนกับพื้นเรือ และผูกให้แน่น ไม่ให้เคลื่อนที่ไปมาได้
ในระหว่างการลากก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งในเรือที่ต้องเป็นผู้คอยดูเชือกลากไม่ให้หย่อนหลุดเข้าไปที่ใบจักรเรือหรือไม่ให้อุปกรณ์การลากเรือต่าง ๆ หลุดเข้าไปใต้ท้องเรือลาก และในขณะที่มีกระแสน้ำแรงการลากทวนน้ำนั้นก็กระทำได้ง่ายกว่าการลากตามน้ำ นอกจากนั้นต้องพยายามนำสิ่งของต่าง ๆ มาไว้ในส่วนหัวของเรือ เพื่อไม่ให้หัวเรือส่ายไปมา นอกจากนั้นก็ควรเตรียมมีดเอาไว้ด้วย เมื่อมีปัญหาในการลากก็จะใช้ตัดเชือกลาก
เมื่อทำการเลี้ยว เรือลากจะต้องตีวงให้กว้างกว่าปกติ เพราะว่า เรือที่ถูกลากนั้นจะถูกดึงให้ตัดมุมมากกว่าเรือลากเสมอ และเมื่อจะลากเรือเข้าเทียบท่าก็จะต้องลดความเร็วและร่นเชือกลากให้สั้นลงเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม เตรียมเชือกหัว เชือกท้าย เชือกไก และลูกตะเพราควรเตรียมไว้อย่างน้อย 3 ลูก
ควรทำการพ่วงจูงเรือในเวลากลางวัน หลีกเลี่ยงทำการพ่วงจูงเรือในเวลากลางคืน ในขณะที่เรือกำลังเคลื่อนที่ ต้องคำนึงถึงความเร็วของเรือที่จะทำให้เรือขึ้นน้ำ หรือ รูปแบบของท้องเรือที่แตกต่างกัน
Written by R - Yong